วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แนะนำสิ่งดีดี...แบ่งปันกันและกัน

6 ความคิดเห็น:

  1. สิ่งที่ได้มาคือเวลากับความฉลาด
    แต่สิ่งที่ต้องแสวงหาคือ "คุณค่าของชีวิต"

    ตอบลบ
  2. ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด
    ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด


    ภูษณดา ดำแสงสวัสดิ์(เฟิร์น)

    ตอบลบ
  3. จงรู้จักให้ รู้จักรัก รู้จักรอ รู้จักพอ และรู้จักเกรงใจ
    แล้วชีวิตจะมีสุข

    ผู้ที่แนวแน่และมุ่งมั่นจะหาหนทางแก้ปัญหา ในขณะที่คนอื่นจะหาหนทางแก้ตัว

    บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ

    ตอบลบ
  4. คำพ่อสั่ง "จนอย่าบ่น รวยอย่าโอ้อวด"

    ตอบลบ
  5. E-mail : สายธารอาหารใจ ฉบับที่ ๑๐/๒๕๕๒
    E-mail : สายธารอาหารใจ ฉบับที่ ๑๐/๒๕๕๒

    คำสั่งของพ่อ

    คราวหนึ่ง เกิดอหิวาตกโรคระบาดร้ายแรงประชาชนล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านเรียกโรคระบาดชนิดนี้ว่า “โรคห่า” หรือ “ไข้ห่า” หรือเรียกว่า “ห่าลงกินคน” เศรษฐีคนหนึ่ง ภรรยาล้มตายลง
    ด้วยโรคระบาดนี้ เศรษฐีเองก็ป่วยด้วยโรคนี้ เศรษฐีมีลูกคนเดียวเป็นชายกำลังอยู่ในวัยรุ่นก่อนตายเศรษฐีได้บอกให้ลูกชายหนีไปอยู่ที่เมืองอื่นสัก 5 ปี เพื่อรักษาตัวให้รอดปลอดภัยจากโรคแล้วค่อยกลับมาเศรษฐีได้บอกที่ที่ได้ฝังทรัพย์มูลค่ามหาศาลซ่อนไว้ให้ลูกชายทราบ และสั่งไว้ก่อนตายว่า
    “จนอย่าบ่น รวยอย่าอวด”
    เศรษฐีอธิบายให้ลูกชายฟังว่า
    จนอย่าบ่น คือให้ขยันทำมาหากิน ทำงานเก็บเงิน
    รวยอย่าอวด คือเมื่อมีทรัพย์ อย่าได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อวดมั่งอวดมี แต่ให้เก็บไว้และนำไปบริจาค นำไปทำบุญทำทาน


    หลังจากบิดาตาย ลูกชายเศรษฐีหนีไปอยู่ต่างเมือง ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของบิดา คือ แม้จะลำบากยากจนก็ไม่บ่นแต่ก็สู้ทนทำงาน จนเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง มักจะไม่มากแต่ก็พออยู่พอกิน
    ครั้นครบกำหนด 5 ปี เขาก็เดินทางกลับบ้านเกิดมารับจ้างเขาทำงานทั่วไป ด้วยวัยและเวลาที่เปลี่ยนไปจึงไม่มีใครจำเขาได้
    เขาไปขุดทรัพย์ที่บิดาฝังไว้ให้ โดยแอบไปขุดไม่ให้ใครรู้เห็น แล้วนำมาบริจาคทำบุญให้ทาน โยไม่ได้ประกาศเปิดเผยให้ใครทราบเช่นเดียวกัน เขาใช้ชีวิตอยู่เช่นนี้อย่างมีความสุข




    วันหนึ่ง พระราชาทรงต้องการทราบความเป็นอยู่ที่แท้จริงของราษฎรด้วยพระองค์เอง จึงได้ปลอมพระองค์เป็นพ่อค้าขับเกวียนบรรทุกสินค้า พร้อมด้วยมหาดเล็กคนสนิทระหว่างเดินทางเกวียนเกิดติดหล่ม ลูกชายเศรษฐีมาพบเข้าพอดี ด้วยความมีน้ำใจ เขาเข้าไปช่วยเข็นเกวียนจนเหงื่อท่วมตัว
    ในที่สุดเกวียนก็ขึ้นจากหล่มได้ พระราชาในคราบพ่อค้าส่งเงินให้เขาเป็นค่าตอบแทนในความมีน้ำใจของเขา แต่เขากล่าวว่า
    “ข้าพเจ้าช่วยท่าน เพราะต้องการให้เกวียนของท่านขึ้นจากหล่ม ไม่ได้ช่วยท่านเพราะต้องการเงินของท่าน”
    ว่าแล้วเขาก็เดินจากไป โดยไม่ได้หันมามองพระราชาและมหาดเล็กอีกเลย พระราชาตรัสกับมหาดเล็กว่า
    “ชายผู้นั้นเป็นคนรวย”
    มหาดเล็กสงสัย ถามว่า
    “เขาแต่งตัวปอนๆอย่างนั้นจะเป็นคนรวยได้หรือ หรือว่าเขาเป็นคนรวยเพราะเขาไม่รับเงินจากพระองค์”
    พระราชาตรัสว่า
    “เสียงของคนบอกได้หลายอย่าง เช่น บอกว่าเป็นคนมีเมตตา หรือเป็นคนเหี้ยมโหด เป็นคนฉลาด หรือเป็นคนโง่ เป็นคนมีความสุข หรือเป็นคนมีความทุกข์ เป็นคนร่ำรวย หรือเป็นคนยากจน เสียงของชายผู้นั้นบอกได้ว่า เขาเป็นคนรวย”
    พระราชาทรงเชี่ยวชาญในศาสตร์ หรือวิชาความรู้เกี่ยวกับการฟังเสียงคน เสียงสัตว์ และเพื่อเป็นการพิสูจน์ พระราชาได้ตรัสสั่งให้คนไปติดตามดูชายหนุ่มว่า เป็นคนรวยจริงหรือไม่ คนของพระองค์กลับมารายงานว่า




    “เขาเป็นคนรวยจริงๆพระเจ้าค่ะ บิดาของเขาเป็นเศรษฐี ได้เสียชีวิตไปเมื่อคราวโรคห่าระบาด ได้เก็บทรัพย์ฝังซ่อนไว้ให้เขาเป็นจำนวนมาก เขาแอบขุดนำทรัพย์ออกไปบริจาคทำบุญทำทานพระเจ้าค่ะ”
    พระราชาให้คนไปนำเขาเข้ามาในวัง พระองค์ตรัสถามเขาว่า
    “เจ้ามีทรัพย์จำนวนมากแต่ทำไมทำตัวเป็นคนยากจน”
    เขากราบทูลพระราชาว่า
    “บิดาสั่งไว้ว่า จนอย่าบ่น รวยอย่าอวด พะยะค่ะ”
    เขาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคำสั่งของบิดา และการดำเนินชีวิตของเขาตามคำสั่งของบิดามาโดยตลอด
    พระองค์ทรงพอพระทัย และชื่นชมในความเป็นบุตรที่เชื่อฟังของเขาเป็นอย่างยิ่ง จึงได้พระราชทานพระราชธิดาให้เป็นภรรยาของเขา และได้จัดพิธีอภิเษกสมรสให้ พร้อมกับแบ่งเมืองให้ปกครองกึ่งหนึ่งด้วย
    เรื่องของบุตรเศรษฐีในเรื่องนี้สมดังพุทธพจน์ที่ว่า
    โย เจ ปุตฺตานมสฺสโว แปลว่า บุตรที่เชื่อฟัง เป็นบุตรที่ประเสริฐ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ6 สิงหาคม 2552 เวลา 19:17

    ขอบคุณ คุณแม่ของ มนต์ มากเลยนะคะ

    เด็กๆเข้ามาอ่านกันบ้างรึยัง ข้อคิดดีดี

    ครูอี๊ด

    ตอบลบ