วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ถามบน..ตอบล่าง..กระชับมิตร

เข้ามาตอบ แล้วถามต่อไปเรื่อยๆ นะคะ  คุณพ่อคุณแม่เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันนะคะ

เริ่มจากครูอี๊ด ก่อนเลยแล้วกันค่ะ

ถาม---- 

วันมาฆบูชาในปี 53 ตรงกับวันใด

และวันที่เท่าไร

10 ความคิดเห็น:

  1. วันมาฆบูชาในปี 53 ตรงกับวันใด และวันที่เท่าไร

    แย่งเด็กตอบครับ:

    ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ (พ.ศ.2553)

    เด็กๆ จำไว้ด้วย

    แล้วอย่าลืมไปไหว้พระ ฟังเทศ เวียนเทียนกัน

    แถมได้หยุดชดเชยวันจันทร์ยังไงล่ะ


    ปีนี้เดือนกุมภาพันธ์ มี 28 วัน น่ะจ๊ะ

    ใครที่เกิด วันที่ 29 กุมภาพันธ์

    จะฉลองวันเกิดยังไงเนี่ย


    คำถาม:

    เออ!แล้วทำไมเดือนกุมภาพันธ์ปี พ.ศ.2553จึงมี 28 วัน

    ทำไมไม่มี 29 วันล่ะ ??ใครทราบแล้วตอบด้วย ????



    สว่าง-พ่อโดม

    ตอบลบ
  2. เพราะว่ามันไม่มี 29 วัน ไงครับในปี 2553 อิอิ มีกวน นิดนุง

    ตอบลบ
  3. คำถาม:

    ทำไมเดือนกุมภาพันธ์ปี พ.ศ.2553 จึงมี 28 วัน
    ทำไมไม่มี 29 วันล่ะ ??
    ???????????????????????????????????
    เฉลยครับ:สงสัยคำถามจะยากไป แต่ก็มีคำตอบมาให้
    ถามเองก็ต้องตอบเอง ไม่น่าเลยเรา ใครรู้แล้วบอกต่อ
    !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
    เหตุที่จำนวนวันในเดือนกุมภาพันธ์ต้องมี 28 วันบ้าง
    มี 29 วันบ้าง เป็นผลมาจาก ฤดูกาลและปรากฏการณ์
    ทางดาราศาสตร์ โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครบ 1 รอบ
    หรือ 1 ปี ไม่เป็นจำนวนวันที่ลงตัว คือ แทนที่ปีหนึ่งจะ
    มี 365 วันพอดี แต่ความเป็นแล้วจริงโลกโคจรรอบ
    ดวงอาทิตย์จะมี 365.2425 วัน เมื่อเป็นเช่นนี้ทุก 4ปี
    จึงมีการนำเศษของวันไปเพิ่มเป็นจำนวนวันอีก 1 วัน
    โดยจะเพิ่มในเดือนกุมภาพันธ์ (เอ่? ทำไมเพิ่มเดือนนี้)
    ปีที่เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน ทำให้ทั้งปีนั้นมี 366 วัน
    เรียกว่าปีอธิกสุรทิน ภาษาอังกฤษเรียกว่า Leap Year
    ส่วนปีอื่น ๆ ที่มี 365 วัน เรียกว่า ปีปกติสุรทิน หรือ
    Common Year

    เรามีวิธีคิดคำนวณง่าย ๆ ดังนี้

    1.ให้เปลี่ยนปีเป็นคริสต์ศักราช เช่น ปีนี้ 2552 ตรงกับ
    ปี ค.ศ. 2009(สูตรคือ ค.ศ.= พ.ศ.- 543)

    2.นำตัวเลข ค.ศ.หารด้วย 4 ถ้าหารลงตัว แสดงว่า
    ปีนั้นเป็นปีอธิกสุรทิน เช่น ปีที่แล้วปี 2008 หารด้วย
    4 ลงตัว เดือนกุมภาพันธ์ จะมี 29 วัน

    ปีนี้ 2009 หารด้วย 4 ไม่ลงตัวแสดงว่าเป็นปีสุรทิน
    เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้มี 28 วัน

    ปีหน้า 2010 หารด้วย 4 ไม่ลงตัวก็ต้องมี 28 วัน
    ปี 2012 โน่นถึงจะมี 29 วันอีกครั้ง

    เราเคยคิดว่าคนที่เกิดในวันที่ 29 กุมภาพันธ์
    จะไม่มีโอกาสจัดงานครบรอบวันเกิดทุกปี
    แต่ความเป็นจริงแล้วพวกเขาสามารถฉลองวันเกิดได้
    ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ หรือวันที่ 1 มีนาคม
    เพราะวันเกิดของเขาอยู่ระหว่างสองวันนี้นั่นเอง
    โชคดีจริง ๆ ใครเกิด 29 ก.พ. ยกมือขึ้น
    ..............................

    ถามต่อเลยก็แล้วกัน :
    แล้วทำไม? เดือนที่ลงท้ายด้วยยน
    จึงมี 30 วัน และเดือนที่ลงท้ายด้วยคมจึงมี 31 วัน
    ใครตอบถูกต้อง ให้ไปรับรางวัลที่ครูอี๊ดก็แล้วกัน
    (เข้ามาดูเฉลยได้ วันที่ 19 พ.ย.52)
    ขยันกันสักนิด ชีวิตจะสดใส
    ขยันขึ้นอีกนิด ชีวิตจะเปลี่ยนไป

    ..พ่อโดม...

    ตอบลบ
  4. ปฏิทินและการกำหนดชื่อเดือน มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน โดยการตั้งชื่อของแต่ละเดือนมีที่มาดังนี้

    1. January มาจากชื่อของพระเจ้า Janus
    2. February มาจากชื่อภาษาโรมันของเทศการ (a feast)
    3. March มาจากชื่อเทพเจ้าแห่งสงคราม Mars
    4.April มาจากภาษาละติน ซึ่งหมายถึง การเปิด (to open) ซึ่งหมายถึงการเริ่มเปิด หรือบาน ของดอกไม้ (the opening of flowers and plants)
    5. May มาจากคำว่า Maia เป็นเทพเจ้าของโรมัน
    6. June มาจาก Juno ภรรยาของเทพเจ้า Jupiter
    7. July มาจาก Julius เพื่อให้เกียรติแด่ จูเลียส ซีซ่า (Julius Caesar) กษัตริย์ของโรมัน
    8. August มาจากชื่อของกษัตริย์โรมัน อีกพระองค์ ชื่อ Augustus
    9. September มาจากภาษาละติน แปลว่า เจ็ด(secta) เพราะเดือนในสมัยโรมันจะนับเดือน March เป็นเดือนที่หนึ่ง
    10. October มาจากภาษาละติน แปลว่า แปด (octa)
    11.November มาจากภาษาละติน แปลว่า เก้า (nona)
    12.December มาจากภาษาละติน แปลว่า สิบ(deca)

    ตอบลบ
  5. เดือนต่างๆ ในสมัยโรมันจะมีสามสิบวันเท่ากันหมด โดยที่จะมีวันพิเศษอีกห้าวันในช่วงปลายปี เพื่อให้ครบจำนวนวันที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ในแต่ละปี
    ต่อมาได้มีการจัดเรียงปฏิทินใหม่ โดย จูเลียส ซีซ่า ตัดสินใจให้มี 31 วัน เดือนเว้นเดือน คือ January, March, May, July, September และ November โดยที่มีวันพิเศษเหลือเพียง 5 วัน แต่มีเดือนที่ต้องมี 31 วันถึง 6 เดือน ดังนั้น จูเลียส ซีซ่า จึงเอา หนึ่งวันออกจากเดือน February (ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปีในสมัยโรมัน) ทำให้เดือนนี้มีเพียง 29 วัน เพื่อจะเติมให้ครบตามที่ต้องการ

    ต่อมาในสมัยของกษัตริย์ Augustus ได้มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนวันในเดือน August เพราะว่า ในเดือน July ซึ่งมาจากชื่อ จูเลียส ซีซ่า มี 31 วัน ในเดือน August ซึ่งเป็นชื่อของพระองค์ก็ไม่ควรมีจำนวนวันน้อยกว่า (มีเพียง30 วัน) ในเดือนที่เป็นชื่อกษัตริย์เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงมีการกำหนดให้เดือน August มี 31 วัน โดยเอาวันจากเดือน February มาอีกหนึ่งวัน ทำให้เดือน February เหลือเพียง 28 วัน เพื่อมาเติมให้เดือน August จากนั้นก็จัดเรียงเดือนในช่วงปลายปีที่มี 31 วัน ใหม่ โดยเปลี่ยนให้เดือน October และ December มี 31 วัน แทนเดือน September และ November ซึ่งกลายเป็นเดือนที่มี 30 วัน ดังปฏิทินปัจจุบัน

    และในสี่ปีครั้ง เดือน February จะมี 29 วัน เพื่อให้ครบวันที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์

    ตอบลบ
  6. ถามต่อเลย ครับ 1+1 = ??? ตอบได้ มีรางวัล 1 บาท ครับ....

    ตอบลบ
  7. บอส..คำถามนายเจ๋งมาก เราตอบเลยก็แร้ววว..กัน
    ใจนาย 1 ใจ +ใจเราอีก 1 ใจ = รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
    เพราะฉนั้น 1+1 = 1 ฮ่ะ...555
    แต่ครูนกคงไม่ชอบใจแน่เลย
    ครูนก: บอส 1+1=?
    บอส: 2 ครับ
    ครูนก :ผิด 1+1= 10
    เฉลย : 1ฐาน2 + 1ฐาน2 = 10ฐาน2
    : 0+0=0, 0+1=1,1+0=1,1+1=10(ฐาน2)
    บอสจำตอน ม1.ได้มั้ยฮ่ะ

    ตอบลบ
  8. ใครครับโรมิโอบอกกัน

    ตอบลบ
  9. เฉลยคำถาม : ทำไม?เดือนที่ลงท้ายด้วยยนจึงมี 30วัน
    และเดือนที่ลงท้ายด้วยคมจึงมี 31 วัน
    คำตอบของบอส ถูกต้อง ติดต่อรับรางวัลที่ครูอี๊ดเป็น
    ท๊อปฟี่ 1 เม็ด
    ขอเพิ่มเติมข้อมูล เพื่อให้คำตอบสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ดังนี้

    ปฏิทินจูเลียตที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ได้ถูกสร้างขึ้น
    โดย Julius Caesar ผู้นำโรมัน ได้เล็งเห็นถึง
    ความผิดปกติและความไม่ถูกต้องของปฏิทินจึงได้
    ทำการสั่งให้เลิกทำการคำนวณเดือน จากการนับ
    ดวงจันทร์เหมือนที่เคยใช้กันมา คืออาศัยข้างขึ้น
    ข้างแรม สังเกตความเปลี่ยนแปลงของดวงจันทร์
    พอหมดข้างแรมทีนึงก็นับเป็นหนึ่งเดือน พร้อมกับ
    ได้เปลี่ยนไปใช้วันที่ 1 ของเดือน January
    เป็นวันแรกของปี อีกทั้งผู้นำโรมันคนนี้ยังได้ทำการ
    เปลี่ยนชื่อเดือน Quintilis เป็น July ซึ่งมาจาก
    คำว่า Julius Caesar เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ตัวเอง
    และนอกจากนี้ปฏิทินจูเลียตยังได้กำหนดเอาไว้อีกว่า
    ให้เดือน"คี่"มี 31วัน เดือน"คู่"มี 30วัน ยกเว้นเดือน
    กุมภาพันธ์มี 29 วันในปีปกติสุรทิน และมี 30 วันใน
    ปีอธิกสุรทิน (คำว่า ปีปกติสุนทิน หมายความว่าเป็นปี
    ปฏิทินที่มีจำนวนวัน 365 วัน และ ปีอธิกสุรทิน
    หมายความว่าเป็นปีปฏิทินที่มีจำนวนวัน 366 วันครับ)
    ต่อมาในยุคสมัยของกษัตริย์ Augustus Caesar
    ไม่พอใจที่เดือนเกิดของตนเอง ซึ่งเป็นเดือน 8
    เป็นเดือนคู่แต่มีเพียงแค่ 30 วัน จึงได้ทำการดึงวัน
    ออกจากเดือน February ออกมา 1 วัน แล้วนำ
    มาใส่ในเดือนเกิดของตนเอง และได้ทำการเปลี่ยน
    ชื่อเดือนเกิดของตนเองจาก Sextilis เป็น
    August จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเดือน August
    ถึงมี 31 วัน และทำไมเดือน February
    จึงเหลือ 28 หรือ 29 วันนั่นเอง

    สืบค้นได้จาก http://zaladin.exteen.com/20080813/entry

    ตอบลบ